วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ทะเลหัวหิน

ทะเลหัวหิน

หัวหินอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศใต้ประมาณ 200 กิโลเมตร อยู่ติดชายฝั่งทางทิศตะวันตกของอ่าวไทย จัดได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศริมทะเลที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย หัวหินได้ถูกเปลี่ยนแปลงจากแต่เดิมที่เป็นชุมชนชาวประมง มาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในปี 2463 และเริ่มมีการก่อสร้างทางเดินรถไฟสถานีหัวหินในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 (ปี พ.ศ. 2453-2468) รวมถึงพระราชวังไกลกังวลในรัชกาลที่ 7 ปี พ.ศ. 2469 พระราชวังแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นที่ประทับรับรองของพระราชวงศ์ เมื่อมีการเสด็จเยือนหัวหิน

ปัจจุบันหัวหินเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว หัวหินยังมีโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวหลายแห่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองหัวหินพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้เข้ามาสัมผัสแหล่งอารยธรรม ประเพณีของไทยที่มีตลอดทั้งปี เช่น เทศกาลตรุษจีน เทศกาลสงกรานต์ ประเพณีวันลอยกระทง มหกรรมดนตรีหัวหินแจ๊สเฟสติวัล หัวหิน-ชะอำกอล์ฟเฟสติวัล และการแข่งขันครั้งสำคัญ “การแข่งขันหัวหินโปโลช้างชิงถ้วยพระราชทาน” 
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ทะเลเรืองแสง ละอองดาวบนผืนทราย

หลายคนคงจะเคยเห็นภาพของ “ทะเลเรืองแสง” ในเฟซบุ๊กหรือหนังบางเรื่อง ซึ่งเห็นแสงวาบๆ สีน้ำเงินหรือฟ้าอมเขียวของเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าชายฝั่งและบนหาดทรายราวกับกลุ่มดาวบนท้องฟ้า ตามชายหาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น, มัลดีฟฟ์, ออสเตรเลีย, แถบทะเลแคริบเบียน แม้กระทั่ง หาดบางแสน จ.ชลบุรี และ หาดเจ้าหลาว จ.จันทบุรี ของประเทศเราก็มี ตามมาด้วยคำถามที่เกิดขึ้นว่า ของจริงหรือภาพแต่ง?  ซึ่งถ้าเป็นภาพแต่งก็ไม่ได้ทำยากอะไรซะด้วย แต่เจ้าสิ่งนี้คือ ของจริงครับ แถมเป็นของจริงที่ไม่ใช่จะเกิดที่ไหนก็ได้และไม่ได้หาดูได้ง่ายๆ อีกด้วย! เราเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า Bioluminescence

ทะเล เรืองแสงขึ้นมาได้ยังไง?

ตามธรรมชาติ ในทะเลจะมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นล่องลอยอยู่มากมาย หลากหลายชนิด พวกนี้เรียกรวมๆ กันว่า แพลงก์ตอน (Plankton) ซึ่งจัดเป็นจุลชีพพวกโปรติสต์ โดยแพลงก์ตอนที่ทำให้เกิดการเรืองแสงนี้เป็นแพลงก์ตอนพืชในกลุ่ม ไดโนแฟลกเจลเลต (Dinoflagellates)  เช่น Noctiluca scintillans , Gonyaulax sp. และ Pyrocystis sp. เป็นต้น  แพลงก์ตอนพวกนี้พบได้ทั่วโลกเป็นปกติ แต่จะแพร่พันธุ์ได้มากเป็นพิเศษ (บางครั้งก็มากจนทำลายระบบนิเวศบริเวณนั้น) หรือ เกิดการ Bloom ขึ้นในทะเลที่มีแอมโมเนีย ไนโตรเจนและฟอสฟอรัส อยู่มาก ซึ่งนั่นเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของพวกมันนั่นเอง
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ประวัติทะเล           

          ทะเลอันดามันเป็นแอ่งที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของเปลือกโลก (tectonic basin) ต่อเนื่องมาจากดินดอนสามเหลี่ยมของแม่น้ำอิระวดีในประเทศพม่า แผ่กว้างออกไปประมาณ 1,200 กิโลเมตร ลงไปทางใต้จนถึงทางตอนเหนือของเกาะสุมาตราและช่องแคบมะละกา ความกว้างของท้องทะเลจากฝั่งตะวันตกของแหลมไทยไปจนถึงหมู่เกาะอันดามันและหมู่เกาะนิโคบาร์ (Nicobar) ประมาณ 650 กิโลเมตร หมู่เกาะเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสันใต้น้ำที่เป็นแนวแบ่งเขตแอ่งอันดามัน ออกจากอ่าวเบงกอล (Bay of Bengal)
ลักษณะภูมิประเทศที่สำคัญในทะเลอันดามัน คือ ลาดทวีป (continental slope) ที่อยู่นอกชายฝั่งแหลมไทย - มาเลเซีย ลาดทวีปนี้เอียงลาดไปทางทิศตะวันตกจนกระทั่งไปต่อกับตะพักลุ่มน้ำที่ระดับความลึกประมาณ 2,435 เมตร ตะพักลุ่มน้ำนี้เอียงลาดไปทางทิศตะวันตกเช่นเดียวกัน โดยที่ความลาดเอียงจะค่อยๆ ลดลงไปจนกระทั่งถึงระดับความลึกประมาณ 2,670 เมตร ต่อจากนั้นจึงเป็นแอ่งที่ชันในระดับความลึกประมาณ 3,035 เมตร ซึ่งควรจะเป็นท้องแอ่งของทะเลอันดามันกลาง (Central Andaman Trough)
Sattayarak (1992) กล่าวถึง การสำรวจหาแหล่งปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติในทะเลอันดามันว่ามี แอ่งเทอร์เชียรีที่สําคัญ 2 แอ่งคือ (1) แอ่งสิมิลัน ซึ่งอยู่ในบริเวณที่นํ้าทะเลลึกน้อยกว่า 200 เมตร แอ่งนี้เกิดจากการเคลื่อนตัวแบบทวนเข็มนาฬิกา (sinistral movement) ของเขตรอยเลื่อนระนอง (Ranong Fault Zone) (2) แอ่งเมอร์กุย (Mergui Basin) ซึ่งอยู่ในบริเวณที่น้ำทะเลลึกมากกว่า 200 เมตร เป็นแอ่งชนิด transtensional back-arc basin อันเนื่องจากการมุดตัวของเปลือกโลก แนวแอ่งนี้จะเชื่อมต่อกับแอ่งสุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย แอ่งเทอร์เชียรีบริเวณทะเลอันดามัน วางตัวเป็นแนวในทิศทางประมาณเหนือ-ใต้ ในลักษณะของ half graben ตะกอนที่ทับถมอยู่ในแอ่งเป็นตะกอนจากทะเล (marine deposits) ซึ่งมีความหนาถึง 8,000 เมตร บริเวณใจกลางแอ่ง
บริเวณทะเลอันดามันเป็นส่วนนอกฝั่งตะวันตกของพม่า ไทยและมาเลเซีย ต่อเนื่องเข้าไปในมหาสมุทรอินเดียเข้าหาแอ่งทะเลอันดามัน และสิ้นสุดที่หมู่เกาะ อันดามันนิโคบาร์ ส่วนทางด้านทิศใต้เป็นฝั่งสุมาตราเหนือ และช่องแคบมะละกา บริเวณทะเลอันดามันของไทยเป็นเพียงขอบตะวันออกของแอ่งทะเลอันดามันเท่านั้น
         แอ่งเทอร์เชียรีที่อยู่ในอาณาเขตของไทยได้แก่ แอ่งเมอร์กุยซึ่งเป็นแอ่งที่เกิดขึ้น ในช่วงปลายสมัยโอลิโกซีนอันเป็นผลมาจากการยกตัวของแผ่นเปลือกโลกพื้นทวีป ประกอบกับได้รับอิทธิพลจากกลุ่มรอยเลื่อนระนองและคลองมะรุ่ย ส่งผลให้แอ่งมีลักษณะเป็นแบบกึ่งกราเบนวางตัวในแนวเหนือใต้ (Polachan, 1988) ตะกอนในแอ่งเป็นพวกตะกอนที่สะสมตัวในทะเลน้ำลึกเพียงแอ่งเดียวในประเทศไทย มีความหนาถึง 8,000 เมตร แบ่งออกเป็นแอ่งย่อย ได้ 3 แอ่ง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 50,000 ตารางกิโลเมตร